สำหรับผู้ที่มีอาการผิวติดสารปรอทและสเตียรอยด์ สารปรอทจะทำลายเซลล์ผิว ส่วนสเตียรอยด์จะทำลายภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวมีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เกิดสิวอักเสบ สิวผด ผื่นแดง ผิวบาง ผิวไวต่อแสง หรือมีอาการแสบร้อนเมื่อโดนแสงแดด
ผิวแพ้สารปรอท
“สารปรอท” ส่วนใหญ่จะพบในครีมผิวขาว เพราะทำให้ผิวขาวไวมาก ซึ่งใช้เวลาแค่ 1-3 วัน คุณก็จะได้ผิวที่ขาวกระจ่างใส โดยสารปรอทจะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวเร็วขึ้น พร้อมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเม็ดสีใต้ผิวหนัง
“สารปรอท” จัดเป็นโลหะหนัก เมื่อทาไปสักพักจะเริ่มมีอาการผิวแดง ผิวหน้าบาง และไวต่อแสง เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกเลย
อาการของผู้แพ้สารปรอท
- มีสิวอักเสบ หรือสิวหนองจำนวนมาก
- ผิวแดง ผื่นแดง เห็นเส้นเลือดฝอยเด่นชัด หรือมีอาการฝ้าเลือดร่วมด้วย
- ผิวบาง ไวต่อแสง เมื่อโดนแดดจะแสบร้อน
- ผิวไหม้ดำ ฝ้าถาวร ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ผิวแพ้สารสเตียรอยด์
“สารสเตียรอยด์” ส่วนใหญ่จะพบในครีมผิวขาวและครีมแก้สิว ซึ่งผลของการใช้แก้สิวคือจะทำให้เป็น “สิวสเตียรอยด์” เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะทำให้เกิดผิวบาง ผิวไวต่อแสง ผิวอ่อนแอ รับมลพิษจากภายนอกได้ง่าย ทำให้เกิดผิวแพ้ง่าย
อาการของผู้แพ้สารสเตียรอยด์
- มีตุ่มสีแดงคล้ายสิวขึ้นเป็นแพจำนวนมาก เรียกว่า “สิวสเตียรอยด์”
- ผิวแดง อักเสบ ผิวบาง ไวต่อแสง
- แพ้ครีมหรือเครื่องสำอางค์ได้ง่าย
- เมื่อหยุดใช้ครีมสเตียรอยด์ ผิวจะพัง แต่ถ้าใช้ต่อ ผิวจะกลับมาสวยใสปกติ
- เมื่อใช้ไปนาน ๆ ทำให้ผิวแพ้ง่ายมาก และมีโอกาสที่ผิวจะติดเชื้อสูง
- อาการผิวติดเชื้อจากการใช้สารสเตียรอยด์นาน ๆ จะทำให้เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย
7 ขั้นตอน แก้หน้าพังจาก “ผิวติดสารปรอทและสเตียรอยด์” ด้วยตนเอง
1. หยุดเพื่อพักหน้า
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าทุกชนิดเป็นระยะเวลา 5-7 วัน เพื่อพักผิวหน้า
- หยุดแต่งหน้า
- หยุดใช้ครีมกันแดดในช่วงพักผิวหน้า โดยให้ป้องกันแดดด้วยวิธีอื่นแทน เช่น สวมหมวก กางร่ม
- ผู้ติดสารสเตียรอยด์ให้ค่อย ๆ ลดปริมาณในการทาลง หรือจะหักดิบเลยก็ได้ แต่ต้องเตรียมใจสำหรับสิวเห่อในปริมาณมาก
- หยุดแกะเกาบริเวณที่อักเสบ เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็นและแผลอาจติดเชื้อได้
- หยุดสครับผิวหน้า
2. ฟื้นฟูผิวจากภายใน
อาหารเสริมผิวสำคัญมากสำหรับแก้หน้าพังจากภาวะ “ผิวติดสาร” เพราะผิวจะมีการอักเสบสูง การฟื้นฟูผิวจากภายในจึงสำคัญที่สุด
โดยอาหารเสริมที่แนะนำ คือ อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มซัทสึมะ (Satsuma extract) จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีงานวิจัยรองรับ ช่วยฟื้นฟูผิวจากผิวติดสาร แก้ปัญหาผิวบางจากผิวติดสาร ลดการอักเสบของสิว แก้ฝ้าสารเคมี แก้ฝ้าเลือด ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ ซึ่งแนะนำให้ทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ (3 กล่อง)
3. ทาครีมลดการระคายเคือง/อักเสบ
หน้าพังจากภาวะ “ผิวติดสาร” ผิวจะเกิดการอักเสบ จึงแนะนำให้ทาครีมที่มีคุณสมบัติลดอาการผื่นแดง คัน ระคายเคืองที่เกิดจากผิวติดสาร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นอีกด้วย
โดยให้ทาบริเวณที่มีอาการผิวติดสารวันละ 2-4 ครั้ง หรือตามต้องการ
4. บำรุงผิว
ถ้าทาครีมลดการอักเสบแล้ว แต่ผิวยังแห้ง ขาดความชุ่มชื้นอยู่ แนะนำให้ทาครีมหรือเจลบำรุงผิวเพิ่มเติมได้ สามารถเลือกซื้อได้ตามร้านขายยาหรือร้านค้าชั้นนำทั่วไป เช่น
- เจลว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติฟื้นฟูผิว เพิ่มความชุ่มชื้น สมานแผล ลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากสารปรอทและสเตียรอยด์ นอกจากนี้ยังช่วยลดฝ้ากระและจุดดำของสิวได้อีกด้วย โดยให้เลือกชนิดที่มีแอลกอฮอล์น้อย ๆ สามารถทดสอบคร่าว ๆ ด้วยการดมกลิ่น ถ้าฉุนน้อยก็ถือว่าใช้ได้ หรือเป็นเจลว่างหางจระเข้ 100% ก็ยิ่งดี
- Argan oil (อาร์แกนออย) มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง ลดการอักเสบจากผิวติดสาร นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย
- Physiogel Soothing Care A.I. Cream สุดยอดครีมสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายมาก ๆ ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิวติดสาร ช่วยให้ผิวสุขภาพดี แข็งแรง
5. มาร์คผิว
มาร์คผิวหน้า เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้รูขุมขนดูกระชับขึ้น พร้อมทำความสะอาดผิวไปในตัว โดยใช้วัตดุดิบจากธรรมชาติ ของที่หาง่ายใกล้ตัวคุณ เช่น
โยเกิร์ต
โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่ช่วยลดสิ่งสกปรกบนรูขุมขน ซับล้างสารพิษ ดีท๊อกซ์ผิว และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียน สดใส
- ไม่ควรใช้โยเกิร์ตแบบไขมันต่ำ เพราะเราต้องการไขมันในโยเกิร์ตเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น นอกจากนี้ โยเกิร์ตแบบไขมันต่ำจะมีน้ำผสมมากเกินไป
- ควรเป็นโยเกิร์ตธรรมชาติ รสจืด
ช่วงแรกให้มาร์ควันเว้นวัน ถ้าผิวเริ่มดีขึ้นแล้ว ให้ขยับเป็น 2 วันครั้ง 3 วันครั้ง ครั้งละ 15 นาที
ไข่ขาวดิบ/วุ้นว่านหางจระเข้
จะใช้ไข่ขาวดิบหรือวุ้นว่างหางจระเข้ เพื่อมาร์คหน้า ดีท๊อกซ์ผิวก็ทำได้เช่นกัน แต่กระบวนการต้องสะอาดมาก ๆ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการอักเสบหรือสิวเห่อขึ้นได้ หลัก ๆ จะได้เรื่องของผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว
ช่วงแรกให้มาร์ควันเว้นวัน ถ้าผิวเริ่มดีขึ้นแล้วให้ขยับเป็น 2 วันครั้ง 3 วันครั้ง ครั้งละ 15 นาที
6. ปกป้องผิว
ผิวติดสารไม่ควรใช้ครีมกันแดด เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันและเกิดการอักเสบได้ง่าย ถ้าผิวติดสารสเตียรอยด์จะมีโอกาสแพ้ครีมกันแดดสูงมาก ๆ แนะนำเป็นการเลี่ยงแดดเช่น ใส่หมวก กางร่ม ถ้าต้องออกแดดจริง ๆ ก็เสริมด้วย Anti UV Supplement หรือ กินกันแดด ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลดอาการผิวไหม้แดด ป้องกันฝ้ากระแดดจากผิวติดสาร
หากไม่มีอาการแพ้ครีมหรือสารกันแดด ก็สามารถทานซันอะเวย์ (Sunaway) คู่กับทาครีมกันแดดได้
ครีมกันแดดสำหรับผู้ที่มีผิวติดสารควรใช้ SPF น้อย ๆ ระหว่าง 15-50 เท่านั้น ไม่ควรสูงกว่านี้ เพราะเนื้อครีมจะมีความเข้มข้นสูงเกินไป ทำให้ผิวติดสารเกิดการอุดตันและอักเสบได้ โดยให้ทาในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป และใช้วิธีกันแดดแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทานซันอะเวย์ (Sunaway) พกหมวก พกร่ม
7. ทำความสะอาดผิว
การทำความสะอาดผิวสำหรับผู้มีอาการผิวติดสารถือว่าสำคัญมากเช่นกัน ควรใช้สบู่หรือเจลล่างหน้าที่มีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5.5 เพราะเป็นค่าที่เหมาะสมต่อสภาพผิวที่สุด
ห้ามใช้สบู่/เจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสครับ สารเร่งการผลัดผิวขาวหรือกรดต่าง ๆ เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้