หน้าเห่อ ผื่นขึ้น ใช้ครีมอะไรทำไมก็แพ้ไปหมด! สัญญาณเหล่านี้กำลังบ่งบอกว่าคุณมีอาการของ ผิวติดสาร” หากไม่รีบ หยุด ระวังจะทำหน้าพังกว่าเดิม!

ผิวติดสาร คืออะไร?

ผิวติดสาร เกิดจากการสะสมของสารสเตียรอยด์และปรอทในครีมอันตรายต่าง ๆ โดยใช้เพื่อหลอกภูมิคุ้มกันและยับยั้งการทำงานของเม็ดสีเมลานิน มักพบสารเหล่านี้ในครีมเร่งผิวขาวที่โฆษณาว่าหน้าใสได้อย่างรวดเร็ว หรือในเครื่องสำอางและครีมแก้สิวบางชนิด เมื่อใช้ครีมที่มีสารประเภทนี้สะสมเป็นเวลานานเข้า จะส่งผลให้ผิวบริเวณที่ถูกสารสเตียรอยด์อ่อนแอ รวมทั้งทำให้เกิดพิษสะสมในผิวหนังจากสารปรอท

โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังใช้ครีมที่มีสารเหล่านี้อยู่ เพราะในระหว่างที่ใช้ ผิวหน้าจะเนียน กระจ่างใส ใช้ครีมอะไรก็ไม่แพ้ จะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเลิกใช้ครีมนั้น ๆ ไปซักพัก และอาการผิวติดสารก็จะแสดงออกมา ซึ่งอาการเหล่านี้ค่อนข้างรุนแรงและแก้ได้ยาก ดังนั้นครีมใส่สเตียรอยด์ที่แพทย์ผิวหนังไม่ได้เป็นผู้จ่าย และครีมที่ใส่สารปรอททั้งหลาย จึงจัดว่าเป็นครีมผิดกฏหมาย!

ลักษณะของผิวติดสาร

1. ผื่นแพ้

เมื่อผิวติดสารจะทำให้ผิวหน้าบอบบางและมีอาการแพ้ได้ง่ายกว่าปกติ หากมีอะไรมากระตุ้น ก็จะมีอาการคันและเป็นผื่นแดงทั่วใบหน้า

2. สิวเห่อ

สเตียรอยด์และสารปรอทช่วยทำให้สิวหายไปได้ก็จริง แต่เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเข้า ภูมิคุ้มกันก็จะหายไปด้วย เมื่อเลิกใช้จึงทำให้เกิดสิวผด สิวอักเสบ เห่อแดงขึ้นมาเต็มหน้าและหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณที่ทาครีมเป็นประจำ

3. หน้าหมองคล้ำ เป็นรอยด่าง

ใบหน้าที่เคยกระจ่างใสจะเริ่มหมองคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ บางทีก็เกิดเป็นจุดด่างดำให้เห็น แต่ครั้นจะทาไวท์เทนนิ่งก็ไม่ได้เพราะจะยิ่งทำให้คันหน้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในบางรายยังพบอาการหน้าด่างขาว นั่นก็เป็นเพราะว่าสารปรอทเป็นตัวการทำให้เม็ดสีลดลงนั่นเอง

สารปรอทจะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการแพ้ ผื่นแดง เกิดฝ้าถาวร และเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมจนจนซึมเข้ากระแสเลือด เสี่ยงเกิดโรคร้ายแรง เช่น โลหิตจาง ตับและไตอักเสบ เป็นต้น 

หยุด ! ก่อนจะหน้าพังไปมากกว่านี้

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วมีอาการดังกล่าวข้างต้น ก็พอจะเดาๆ ได้แล้วล่ะค่ะว่ากำลังผิวติดสารอยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้นเราจึงควรหยุดทำสิ่งเหล่านี้เพื่อไม่ให้ใบหน้าเสียหายมากไปกว่าเดิม !

1. หยุดใช้ครีมเร่งขาว

ครีมเร่งผิวขาวเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผิวติดสาร ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดจึงต้องหยุดใช้ซะ ไม่อย่างนั้นสารอันตรายจะทำให้เป็นหนักกว่าเดิม แต่หากใครที่ติดครีมเหล่านี้ อาจเริ่มจากการค่อย ๆ ลดปริมาณลงเรื่อย ๆ จนเลิกใช้ไปในที่สุดก็ได้ค่ะ เนื่องจากว่าหากอยู่ ๆ เลิกใช้กระทันหันจะยิ่งเร่งให้หน้าพังซ้ำซ้อน มีโอกาสที่ผิวจะหายยากกว่าการค่อย ๆ ลดปริมาณการใช้ค่ะ

หรือถ้าหากต้องการใช้ครีมเร่งขาวเป็นตัวช่วยสุดท้ายจริง ๆ ก็อาจจะเลือกใช้ครีมที่มี อย. แทน เพราะในครีมเหล่านี้จะใช้สารสกัดจากธรรมชาติเป็นตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิว อาจจะใช้เวลามากกว่าหน่อย แต่ก็ปลอดภัยหายห่วงนะคะ ^^

ข้อควรระวังก็คือ ยิ่งผลัดผิวหน้าบ่อยเท่าไหร่ ผิวก็จะบางมากยิ่งขึ้น อาจส่งผลให้ผิวไวต่อแสงหรือมีผลเสียอื่น ๆ ตามมาเช่นกัน

2. หยุดทำให้ผิวระคายเคือง

ครีมบำรุง โฟมล้างหน้า หรือแม้แต่เครื่องสำอางบางชนิดอาจจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวของเราเกิดอาการระคายเคืองได้ ทางที่ดีควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมเหล่านี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวแพ้หนักกว่าเดิมนะคะ

3. หยุดทำเลเซอร์

หยุดการทำเลเซอร์ไปก่อนแม้จะอยากแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากหลังการทำเลเซอร์ ผิวหนังจะมีสภาพบอบบางกว่าปกติ จึงต้องหมั่นดูแลรักษาใบหน้าเป็นพิเศษ หากทำเลเซอร์ในช่วงที่ผิวติดสารจะยิ่งทำให้ผิวหน้าอ่อนแอนั่นเอง

หากดูแลรักษาผิวหลังทำเลเซอร์อย่างไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงตามมาภายหลัง

รู้แบบนี้แล้ว อะไรที่งดได้ก็ควรงดไว้ก่อน แม้ว่าผิวติดสารจะสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูซักพักเพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงตามเดิม ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อไม่ให้ใบหน้าระคายเคือง หรือหากมีปัญหารุนแรงก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมนะคะ