พออายุขึ้นเลข 3 สาว ๆ หลายคนอาจประสบปัญหา “ฝ้า” กวนใจ ทำให้หมดความมั่นใจเอาง่าย ๆ ซึ่งถ้าหากเราเป็นฝ้าแล้ว ก็ควรเข้าใจก่อนค่ะ ว่าฝ้าที่เราเป็นคือฝ้าชนิดไหน จึงจะรักษาได้ถูกต้อง เพราะถ้าหากรักษาผิดวิธี ก็อาจจะทำให้เป็นหนักขึ้นจนแก้ไขได้ยากกว่าเดิม! วันนี้ MYSC จึงได้รวบรวมฝ้าชนิดต่าง ๆ มาให้แล้ว เราไปทำความรู้จักกันเลย

1. ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) 

ฝ้าชนิดนี้เกิดจากการที่ผิวโดนแสงยูวีทำลาย หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิวหน้า ทำให้ผิวบางจนเกินไป รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จึงทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากกว่าปกติที่ผิวหนังชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) โดยฝ้าตื้นจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล ขอบชัด ซึ่งเป็นฝ้าที่เกิดง่ายที่สุด และรักษาให้หายขาดได้ง่ายที่สุดเช่นกัน

วิธีป้องกัน คือ หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำแม้ไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะแสงจากหลอดไฟหรือหน้าจอสามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน หรือถ้าหากเป็นฝ้าชนิดนี้แล้ว การใช้กรดวิตามินเอทาบริเวณฝ้าบาง ๆ ก็ช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ค่ะ

2. ฝ้าลึก (Dermal Melasma)

ปัจจัยการเกิดของฝ้าลึกแทบไม่ได้ต่างจากฝ้าตื้น เพียงแต่บริเวณที่เกิดฝ้าจะอยู่ลึกลงไป โดยเกิดที่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยฝ้าลึกจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเทา ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน แทบจะกลืนกับผิวหน้าไปเป็นบริเวณกว้าง การรักษาทำได้ยาก และมักจะกลับมาเป็นอีก

ถึงแม้ว่าจะรักษาฝ้าลึกให้หายขาดได้ยาก แต่การทาครีมกันแดด ใช้ครีมทาฝ้าที่แพทย์แนะนำหรือแม้แต่การบำรุงผิวจากภายในอย่างการทานอาหารเสริม ก็ช่วยให้ฝ้าจางลงได้นะคะ

3. ฝ้าผสม (Mixed Melasma)

เป็นฝ้าที่มีการผสมกันระหว่างฝ้าตื้นและฝ้าลึก ซึ่งเป็นฝ้าที่พบได้ค่อนข้างบ่อย ลักษณะจะเป็นปื้นสีน้ำตาลและเทาปนกัน

ฝ้าแดด หรือฝ้าฮอร์โมน ที่เพื่อน ๆ อาจจะเคยได้ยินชื่อกันนั้น เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป ซึ่งหาก “เกิดที่ผิวชั้นหนังกำพร้า ก็จะจัดเป็นฝ้าตื้น” แต่ถ้าหาก “เกิดที่ผิวชั้นหนังแท้ จะจัดเป็นฝ้าลึก” นั่นเองค่ะ

4. ฝ้าเลือด (Telangiectasia melasma) 

คนไทยเป็นฝ้าชนิดนี้กันเยอะมาก ๆ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 80% ฝ้าเลือดจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลแดง ยิ่งเวลาออกแดด สีจะยิ่งเข้มขึ้นมาก ๆ สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการใช้ครีม เครื่องสำอาง หรือยา ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยบนใบหน้าอ่อนแอจนกักเก็บเลือดไว้ไม่ได้ เกิดเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ จัดเป็นฝ้าที่รักษายากมาก ๆ

ถ้าหากรู้ตัวว่าเป็นฝ้าเลือดเข้าให้แล้ว ควรรีบหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ และรีบปรึกษาแพทย์ทันที

5. ฝ้าถาวร (Ochronosis)

ฝ้าถาวร เป็นฝ้าที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา ลักษณะจะเป็นปื้นสีดำอมเทา สาเหตุเกิดจากการใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของ “ไฮโดรควิโนน” อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจริง ๆ แล้วยาประเภทนี้เป็นยาควบคุม ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น! แต่ปัจจุบันมีการลักลอบนำไปใช้เป็นส่วนผสมของครีมทาหน้าขาว หรือครีมหน้าเด้งเป็นจำนวนมาก

การรักษาเริ่มจากการหยุดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนทันที และรีบเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้อาการหนักกว่าเดิมนะคะ